อาหารทำลายสมอง - 16 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ถ้าไม่อยากให้สมองเสื่อมเร็ว
อัปเดตเมื่อ 27 พ.ค. 2565
1. เครื่องดื่มผสมน้ำตาล
เครื่องดื่มผสมน้ำตาล เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชาผสมน้ำตาล ชานมไข่มุก เครื่องดื่มเหล่านี้มีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้จริงอยู่ว่าช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น แต่ถ้าเรารับประทานน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป น้ำตาลก็ส่งผลให้เซลล์ประสาทของเราทำงานได้แย่ลงเหมือนกัน โดยน้ำตาลจะไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทชนิดหนึ่งชื่อว่า brain-derived neurotrophic factors หรือเรียกสั้นๆ ว่า BDNF ทำให้การสื่อสารกันระหว่างเซลล์ประสาทของเราแย่ลง
นอกจากนี้ การบริโภคน้ำตาลในตาลในปริมาณมากยังทำให้ฮอร์โมนอินซูลินหลั่งออกมาในปริมาณมากด้วยเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งก็จะส่งผลให้ในเวลาถัดมาระดับน้ำตาลในเลือดของเราต่ำกว่าระดับปกติมากเนื่องจากฟทธิ์ของอินซูลินที่ยังตกค้างอยู่ และเมื่อเป็นอย่างนั้น เราก็จะรู้สึกเวียนหัวอย่างมากเลยทีเดียวครับ
2. สารให้ความหวานแทนน้ำตาล
เราอาจคิดว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างเช่น หญ้าหวาน ซูคราโลส แอสปาแตม จะสามารถช่วยแทนน้ำตาลได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเหล่านี้ก็จะไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทบางตัวได้เช่นกัน โดยสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเหล่านี้จะส่งผลให้สาร phenylalanine และ aspartic acid หลั่งออกมาในสมองเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อการยับยั้งการสังเคราะห์สารสื่อประสาทอย่าง dopamine norepinephrine และ serotonin ทำให้กระบวนการคิด การตัดสินใจ ของเราแย่ลง นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความเครียด และอาจก่อให้เกิดอาการปวดหัว ควบคุมตัวเองไม่ได้ด้วย หากเราทานสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเหล่านี้ในระยะสั้นก็จะไม่ได้ส่งผลเสียอะไรมากนัก แต่ถ้าเราทานสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเหล่านี้อย่างต่อเนื่องก็นับว่าไม่ดีแน่นอน
3. ขนมหวานที่มีน้ำตาลและไขมันสูง
ขนมหวาน เช่น ขนมไทย เบเกอรี่ ไอศกรีม นับว่าเป็นสิ่งที่หลายๆ คนชื่นชอบ แต่ด้วยความที่ขนมเหล่านี้มีน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวสูง ทำให้ส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพและสมองของเราด้วยครับ
4. แป้งและข้าวขัดสี
แป้งและข้าวขัดสี เช่น แป้งขนมปัง ข้าวขาวชนิดต่างๆ รวมทั้งแป้งซาลาเปา เส้นก๋วยเตี๋ยว เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาล และเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของเราสูงก็จะส่งผลเสียต่อทั้งร่างกายและสมองของเราเช่นเดียวกันครับ
5. ของทอด
ของทอดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด ฯลฯ ต่างมีไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่สูง ซึ่งไขมันอิ่มตัวนี้นอกจากจะเป็นบ่อเกิดของปัญหาไขมันอุดตันในเส้นเลือดแล้ว ยังส่งผลต่อการอักเสบของเซลล์อีกด้วย ทำให้ร่างกายและสมองเสื่อมโทรมเร็ว
6. เนยเทียม นมข้นหวาน
เนยเทียมและนมข้มหวานนับว่าเป็นอีกหนึ่งของโปรดของคนไทย ไม่ว่าจะทานคู่กับขนมปังในมื้อเช้าหรือของหวานอื่นๆ เนยเทียมนั้นมีไขมันอิ่มตัวในปริมาณมาก ส่วนนมข้นหวานนั้นมีทั้งน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่สูง จึงส่งผลเสียต่อทั้งร่างกายและสมองครับ
7. อาหารฟาสต์ฟู๊ด
อาหารฟาสต์ฟู๊ด เช่น แฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิช ไก่ทอด มันฝรั่งทอด โดนัท พวกนี้มีทั้งส่วนที่เป็นแป้งขัดสีคือส่วนที่เป็นขนมปัง และส่วนที่เป็นไขมันอิ่มตัวจากการทอดและเนย จึงไม่ดีต่อทั้งร่างกายและสมองครับ
8. เนื้อแดง
เนื้อแดง คือ เนื้อสัตว์ที่มีสีแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อแกะ (ไม่นับรวมเนื้อไก่) การบริโภคเนื้อแดงในปริมาณที่เหมาะสมนับว่าดีต่อสุขภาพเพราะในเนื้อมีโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม ในเนื้อเหล่านี้ก็มีไขมมันอิ่มตัวในปริมาณมากเช่นเดียวกัน การรับประทานเนื้อเหล่านี้มากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายและสมองของเราครับ
9. ไขมันสัตว์
ส่วนของไขมันสัตว์ไม่ว่าจะเป็น สามชั้น เนื้อลาย ฯลฯ เป็นไขมันอิ่มตัวซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสมอง ดังนั้นแล้ว เราควรหลีกเลี่ยงครับ
10. อาหารแปรรูป
อาหารแปรรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแช่แข็งหรืออาหารไมโครเวฟตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ จะผ่านกระบวนการแปรรูปมาก่อน ซึ่งทำให้วิตามินและสารอาหารหลายๆ ตัวสูญเสียไปในกระบวนการแปรรูปเหลือแต่ส่วนที่เป็นแป้ง ไขมันอิ่มตัว และเกลือ เสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายและสมอง
11. เนื้อแปรรูป
เนื้อแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม โบโลน่า ไส้กรอกอีสาน แหนม มีไขมันอิ่มตัวสูง ประกอบกับการผ่านกระบวนการแปรรูป ทำให้สูญเสียสารอาหารที่มีประโยชน์ไปมาก ดังนั้นแล้วเราควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อแปรรูปครับ
12. ผงชูรส
การรับประทานอาหารที่มีผงชูรสในปริมาณมากสามารถทำให้เซลล์ประสาทตายได้เนื่องจากสารกลูตาเมต (Glutamate) ในผงชูรสที่มากเกินไปก่อให้เกิดภาวะเป็นพิษขึ้นในสมอง กระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาทมากเกินไปจนสามารถทำให้เซลล์ประสาทตายได้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน หรือถ้าถึงขั้นร้ายแรงก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยส่วนใหญ่พบว่าการบริโภคผงชูรสในปริมาณที่เหมาะสมไม่่ได้ส่งผลเสียใดๆ ต่อสมอง ดังนั้นแล้ว เราก็ไม่ควรทานผงชูรสมากนะครับ
13. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น สุรา เบียร์ ไวน์ จะไปขัดขวางการทำงานของเซลล์ประสาท นอกจากนี้ยังขัดขวางการดูซึมวิตามินบี 1 ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง อย่างไรก็ตาม ในบางงานวิจัยกล่าวว่าการดื่มไวน์แดงส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและสมองเนื่องจากไวน์แดงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ดังนั้นแล้ว เราก็ควรระมัดระมังไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปนะครับ
14. ปลาทะเลบางชนิด
ปลาทะเลบางชนิด เช่น ปลากระโทงดาบ(sword fish) ปลาไทล์ฟิช(tilefish) ปลาทูน่าครีบเหลือง(ahi tuna / yellowfin tuna) ปลาฉลาม(shark) ปลาอินทรีย์(king mackerel) ปลาเหล่านี้มีสารปรอทสูงกว่าปลาชนิดอื่น ซึ่งปรอทจัดว่าเป็นสารพิษ ดังนั้นแล้ว เราควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาเหล่านี้ครับ
15. อาหารที่ใส่สารกันบูด
สารกันบูด หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Sodium Benzoate เป็นสารที่เติมเข้าไปในอาหาร เครื่องดื่ม หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางตัวเพื่อยืดอายุไม่ให้เสียเร็ว อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยกล่าวว่า การบริโภคสารกันบูดส่งผลให้เกิดภาวะโรคสมาธิสั้ยในเด็กได้ ซึ่งทำให้เราต้องระมัดระวังครับ เราสามารถตรวจสอบสารกันบูดในฉลากอาหารได้โดยตรวจสอบคำว่า "INS211" ซึ่งเป็นระบบตัวเลขของสารเติมแต่งอาหาร เราสามารถตรวจสอบรหัสตัวเลขสารเติมแต่งอาหารได้ตามลิงค์นี้เลยครับ
16. อาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อนอื่นๆ
สารเคมีปนเปื้อนในอาหาร เช่น ยาฆ่าแมลง สารกันรา บอแรกซ์ สารเร่งเนื้อแดง ฟอร์มาลิน สารฟอกขาว สารเหล่านี้เป็นอัันตรายต่อร่างกาย เราสามารถตรวจสอบรหัสตัวเลขสารเติมแต่งอาหารได้ตามลิงค์นี้เลยครับ
เอกสารอ้างอิง
Jennifer Robinson, 2020, The Worst Foods for Your Brain, WebMD
Kimberly Goad, 2021, The 8 Worst Foods for Your Brain, The Healthy
แพง ชินพงศ์, 2020, อาหารทำลายสมอง, ผู้จัดการออนไลน์
Bella Ce, 2017, 10 อาหารทำร้ายสมอง, AVADA classic shop
Ariane Lang, 2021, Is MSG Truly Unhealthy? All You Need to Know, healthline
united brain association, 2020, How Sugar Affects the Brain
Amy Reichelt, 2019, A Neuroscientist Explains What Sugar Really Does to Our Brains, Science alert
Rachel Nall, 2019, How Alcohol Is Linked to Memory Loss, healthline
Marsha McCulloch, 2019, What Is Sodium Benzoate? Everything You Need to Know, healthline